วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563

Guide Me Please

    ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการปฏิบัติหน้าที่ของมัคคุเทศก์

    กลับมาพบกันใหม่อีกครั้งกับบล็อกให้ความรู้เกี่ยวกับการเป็นมัคคุเทศก์นะคะ หลังจากที่บล็อกเกี่ยวกับมัคคุเทศก์คราวที่แล้วที่เราพูดถึงเรื่องของเทคนิคการนำทัวร์ที่ดีของมัคคุเทศก์ มาคราวนี้นะคะเราจะมาพูดถึงเรื่องการเตรียมตัวก่อนการทำงานของมัคคุเทศก์กันค่ะ และเพื่อให้ไม่เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มกันเลย💕

     มัคคุเทศก์นั้นเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ในฐานะเป็นผู้เชื่อมโยงความเข้าใจอันดีระหว่างนักท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวและยังมีหน้าที่ในการดูแลนักท่องเที่ยวระหว่างปฏิบัติหน้าที่ด้วย  ดังนั้นมัคคุเทศก์จึงควรรู้จักบทบาทและหน้าที่ที่ตนต้องปฏิบัติและเตรียมตัวในการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความเรียบร้อยและความประทับใจจากนักท่องเที่ยวได้อย่างดีที่สุด

   👉 1.ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการปฏิบัติหน้าที่👈

1.1 ศึกษาหาความรู้ในด้านต่าง ๆ อยู่เสมอเพื่อเท่าทันเหตุการณ์

1.2 ศึกษากิจการของบริษัทนำเที่ยว เนื่องจากมัคคุเทศก์เป็นบุคคลที่ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการนำเที่ยวและแก้ไข้ปัญหาเฉพาะหน้าแทนบริษัทนำเที่ยวการรู้จักบริษัทกิจการนำเที่ยวจะเป็นการดีหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเราสามารถแก้ไข้ปัญหาให้ตรงจุด

1.3 สร้างความสัมพันธ์อันดีกับบริษัทนำเที่ยวที่ตนสังกัดอยู่และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากมัคคุเทศก์เป็นผู้สร้าชื่อเสียงและคอยโฆษณา ประชาสัมพันธ์ให้กับบริษัทนำเที่ยวที่ตนสังกัดให้นักท่องเที่ยวทราบการมีความสัมพันธ์อันดีกับสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องอย่างโรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว ร้านค้าที่ระลึก บริษัทรถ บริษัทนำเที่ยวอื่น ๆ นั้นเราจะสามารถรักษาผลประโยชน์ของบริษัทและนักท่องเที่ยวเอาไว้ได้ไม่ให้ถูกเอาเปรียบ

   👉2. การรับมอบหมายงานจากบริษัทนำเที่ยว👈

    - โดยปกติแผนกปฏิบัติการ (Operation) ของบริษัทนำเที่ยวจะเป็นผู้พิจารณาแต่มัคคุเทศก์ที่มีความมั่นใจว่ามีประสบการณ์ก็สามารถเสนอตัวได้

    - สำหรับข้อมูลต่าง ๆ มัคคุเทศก์จำเป็นต้องรับทราบและเข้าใจให้ถี่ถ้วนเมื่อได้รับมอบหมายจากบริษัทและไม่ควรมาถามรายละเอียดอีกและรายละเอียดที่ได้รับจากบริษัทก็มี ดังนี้

    👍2.1 การรับมอบหมายจากบริษัทนำเที่ยว

    - รายละเอียดของใบงาน (Job Order or Tour Order)

    - จำนวนและข้อมูลส่วนตัวนักท่องเที่ยว

    - รายการนำเที่ยวฉบับสมบูรณ์ เช่น วันและเวลาในการเดินทาง ยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางในแต่ละที่ สถานที่พักแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวและร้านขายของที่ระลึก

    - รายละเอียดของการชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในระหว่างการนำเที่ยว

    - เอกสารและอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่

    - นโยบายของบริษัทในกรณีที่เกิดปัญหาหรือเหตุการณ์ที่ผิดปกติขึ้น

    3. การตรวจสอบเอกสาร การจัดเตรียมอุปกรณ์และการเตรียมตัวปฏิบัติงาน

        สำหรับการนำเที่ยวออกนอกประเทศ (Outbound Tour) จำเป็นต้องตรวจสอบเอกสารเดินทางเพิ่มเติม ดังนี้

      -  บัตรโดยสารเครื่องบินของนักท่องเที่ยว

      - แบบฟอร์มการเข้า-ออกประเทศ (Immigration Form) และแบบฟอร์มการแจ้งรายการสิ่งของต่อศุลกากร (Custom Declaration Form) ของประเทศที่จะเดินทางไป

      - หนังสือเดินทาง Passport ของนักท่องเที่ยว

    3.1 การจัดเตรียมอุปกรณ์นำเที่ยว โดยมีอุปกรณ์ที่จำเป็นดังต่อไปนี้

      -  ป้ายชื่อหรือสติกเกอร์ติดกระเป๋า (Tag) สำหรับติดกระเป๋าของนักท่องเที่ยวหรือริบบิ้นติดกระเป๋าสีสดใสผูกติดไว้ที่กระเป๋านักท่องเที่ยว

       ป้ายชื่อนักท่องเที่ยวสำหรับให้นักท่องเที่ยวติดตัว

      - สิ่งของกระจุกกระจิกสำหรับการให้บริการและอำนวยความสะดวกต่อนักท่องเที่ยว เช่น กระติกน้ำ แก้วน้ำเสิร์ฟน้ำ เครื่องดื่มต่าง ๆ หรือถุงขยะ ผ้าเย็น กระดาษชำระ เป็นต้น

      - ยาสามัญประจำบ้านทั่วไป เช่น ยาหม่อง ยาแก้ปวดศีรษะ ปวดท้อง ยาแก้ท้องเสีย เป็นต้น รวมถึงของใช้ส่วนตัวอย่าง เช่น ด้าย เข็ม อุปกรณ์หลาย ๆ อย่างถึงแม้บางโรงแรมหรือในแหล่งที่ไปจะมีให้หรือหาได้ง่าย มัคคุเทศก์ก็ควรเตรียมไปเองด้วยเผื่อฉุกเฉินระหว่างทาง

      - อาหารว่างอย่างของขบเคี้ยวก็ควรเตรียมเอาไว้เผื่อลูกทัวร์หิวขณะเดินทาง

      - เตรียมอุปกรณ์สันทนาการเกมต่าง ๆ และของรางวัลเพื่อเตรียมแจก

    3.2 การเตรียมตัวปฏิบัติงาน

    -  การเตรียมตัวด้านข้อมูล ให้เตรียมตัวการประสานงานไว้ให้ดีโดยเแพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสถานที่ที่จะไป เช่น กองอุทยานแห่งชาติ ป่าไม้ ติดต่อที่พักแรมและการนำชม,กรมศิลปากร ก็จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์, กรมทางหลวง ตำรวจการท่องเที่ยว บริษัทประกันภัย

    3.3 การเตรียมตัวเองของมัคคุเทศก์

    -  ในด้านความเป็นส่วนตัว การเตรียมตัวของมัคคุเทศก์ คสรเตรียมเสื้อผ้าให้พอใช้และเหมาะสมกับสถานที่ที่ไป เครื่องแต่งกายต้องสะอาด สุภาพ ควรนำนาฬิกาปลุกติดตัวไปด้วยเพื่อเอาไว้ตั้งเวลาในการเตรียมความพร้อม

    - มัคคุเทสก์ควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนออกปกิบัติงานและเตรียมจิตใจให้พร้อมที่จะเผชิญกับงานข้างหน้า

    - เตรียมค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้พร้อมเพราะบางครั้งอาจมีสาเหตุจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายเกินกว่าที่บริษัทกำหนด

    จากที่กล่าวไปนั้นล้วนเป็นสิ่งที่มัคคุเมศก์ที่ดีควรมีและควรรู้ทั้งสิ้นเพราะจะช่วยให้เกิดการบริการที่ดี เพราะในปัจจุบันการแข่งขันมีสูงมาก การแข่งขันในด้านบริการจึงเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้ทั่วเกิดการได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการกลับมาใช้บริการอีกไม่รู้จบ


อ้างอิงข้อมูลจาก

http://www.elfhs.ssru.ac.th/chantouch_wa/pluginfile.php/440/.สืบค้นเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2563.

    

    


    

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2563

วัดเฉินก๊วก (Trấn Quốc) เสน่ห์วัดโบราณ

             ประเทศเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศตะวันออกเฉียงใต้ที่มีอารยธรรมและสถานที่ทางประวัติศาสตร์อันเก่าแก่มากมายที่น่าศึกษาและท่องเที่ยว วัดเฉินก๊วกก็เป็นหนึ่งในความน่าสนใจที่สะท้อนให้เห็นประวัติศาสตร์อันยาวนานของเวียดนามได้ดี โดย ณ วัดเฉินก๊วกแห่งนี้มีเจดีย์อันเก่าแก่อย่างเจดีย์เฉินก๊วกที่มีอายุมากกว่า 1,500 ปีมาแล้วประดิษฐานอยู่
              สำหรับวัดเฉินก๊วก (Trấn Quốc) เป็นวัดที่มีบริเวณที่ตั้งอยู่ติดกับทะเลสาปโฮไตของเมืองฮานอยประเทศ เวียดนามวัดแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาเนื่องจากมีเจดีย์เฉินก๊วกที่ได้รับการสักการะและเคารพด้านความเก่าแก่ด้วยอายุเกือบ 1,500 ปีตั้งอยู่ เจดีย์นี้ก่อสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 โดยจักรพรรดิ์ Le Guy Tong  แต่เดิมมีชื่อเรียกว่า "Khai Quec" โดยมีลักษณะของเจดีย์ที่มีการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างสถาปัตยกรรมจีนและเวียดนามมีความสูงของเจดีย์อยู่ที่ 15 เมตรและมีทั้งหมด 11 ชั้นแต่ละชั้นจะมีช่องหน้าต่างอันเป็นที่ประดิษฐานของประติมากรรมพระพุทธรูป อมิตาพุทธเจ้า ตามความเชื่อ มหายานซึ่งมองเห็นได้เด่นชัดจากทางด้านนอกตั้งไล่เลียงกันขึ้นจากชั้นล่างสุดจนถึงบนสุด ตัวของเจดีย์ก่อสร้างด้วยอิฐแดง โชว์ให้เห็นการซ้อนของอิฐและชั้นล่างด้านหน้าจะมีแท่นไว้สำหรับนักท่องเที่ยวบูชา ภายในเจดีย์จะมีจารึกประวัติความเป็นมาของเจดีย์และพระศรีศากยมุนีปางปรินิพพานที่ทำด้วยทองคำ
https://www.talontiew.com/tran-quoc-pagoda/


https://www.expedia.co.th/Tran-Quoc-Pagoda-Yen-Phu.d6115798.Place-To-Visit

          นอกจากนั้น ภายในวัดยังมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ที่เป็นอีกจุดที่น่าสนใจไม่แพ้กันกับเจดีย์เฉินก๊วกเลย เนื่องจากประวัติความเป็นมาและความเชื่อของผู้คนต่อต้นโพธิ์ต้นนี้ ตามประวัตินั้นต้นโพธิ์ต้นนี้ได้นำมาจากอินเดียโดยนายกรัฐมนตรีอินเดียเป็นผู้มอบให้และมีความเชื่อว่า ต้นโพธิ์ต้นนี้กำเนิดต่อจากต้นโพธิ์ที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงประทับนั่งตรัสรู้ ดังนั้นจึงมีการสร้างฐานล้อมต้นโพธิ์ไว้พร้อมกับประดิษฐานพระพุทธรูปเอาไว้ด้วย


สถานที่ท่องเที่ยวในเจดีย์เฉินก๊วก ในYên Phụ ประเทศYên Phụ ...
https://www.google.com/url?

        หากใครที่ได้มีโอกาสไปเยื่อนประเทศเวียดนามควรหาโอกาสไปเดินชมและท่องเที่ยวยังวัดเฉินก๊วกสักครั้งเพราะนอกจากบรรยากาศภายในวัดที่ร่มรื่นมาก ๆ เหมาะแก่การทำจิตใจให้สงบแล้วนั้นยังสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้อีกด้วย แล้วเจอกันใหม่ในบล็อกหน้านะคะ สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ


อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.talontiew.com/tran-quoc-pagoda/.สืบค้นเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2563.
https://www.expedia.co.th/Tran-Quoc-Pagoda-Yen-Phu.d6115798.Place-To-Visit.สืบค้นเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2563.

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2563

Guide Me Please

     เทคนิคในการเป็นมัคคุเทศก์ที่ดี

    อาชีพมัคคุเทศก์ถือเป็นอาชีพในฝันของใคร ๆ คนเพราะว่านอกจากจะได้ทำงานแล้วยังได้ท่องเที่ยวไปยังสถานที่สวยงามต่าง ๆ มากมายอันเป็นผลพลอยได้จากการประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ ในประเทศไทยเองอาชีพมัคคุเทศก์ถือว่าเป็นอาชีพหนึ่งที่มีรายได้ดีเนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยวในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอาชีพมัคคุเทศก์เฟื่องฟูมากในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าในสถานการณ์ ณ ปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะเกิดปัญหาจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้อาชีพมัคคุเทศก์พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย แต่กระนั้นอาชีพมัคคุเทศก์ก็ยังคงเป็นอาชีพที่ใครหลาย ๆ คนอยากทำอยู่เช่นเดิม ดังนั้นความรู้เกี่ยวกับการประกอบอาชีพมัคคุเทศน์จึงควรมีไว้เพื่อเป็นการทำความเข้าใจในหลักของการทำงานและหน้าที่ของมัคคุเทศก์เป็นอย่างไร สิ่งนี้จะนำเราไปสู่เส้นทางการเป็นมัคคุเทศก์ที่ดีได้ในอนาคต

    ในการทำทัวร์ในแต่ละครั้งนั้นมัคคุเทศก์จะมีหน้าที่หลักคือการบรรยายข้อมูลต่าง ๆ ของแหล่งท่องเที่ยว สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนทราบดีอยู่แล้วเพียงแต่ว่าการบรรยายของมัคคุเทศก์โดยขาดการสังเกตลูกทัวร์นั้นจะทำให้คุณไม่สามารถเป็นมัคคุเทศก์ที่ดีได้ เนื่องจาก ในแต่ละคณะทัวร์นั้นมักจะประกอบไปด้วยผู้คนหลากหลายช่วงวัย ดังนั้นการบรรยายข้อมูลและการใช้ภาษาของมัคคุเทศน์ต้องมีการปรับเพื่อให้เข้ากับกลุ่มบุคคลนั้น ๆ ด้วยเพื่อเป็นการดึงความน่าสนใจของลูกทัวร์และความสุนกสนานน่าเรียนรู้ของสถานที่ท่องเที่ยวและทัวร์ครั้งนั้น 


รูปภาพโดยเวียงคำ ชวนอุดม

    นอกจากวิธีการบรรยายที่สำคัญสำหรับมัคคุเทศก์ ตำแหน่งสำหรับการยืนพูดของมัคคุเทศก์ก็สำคัญไม่แพ้กันเนื่องจาก ตำแหน่งการยืนจะทำให้ลูกทัวร์เข้าใจในสิ่งที่มัคคุเทศก์อธิบายได้ดียิ่งขึ้น โดยลักษณะการยืนที่ดีคือ มัคคุเทศก์จะไม่ยืนหันหน้าเข้าสิ่งนำชมและอธิบายแต่ใช้สายตาในการมองสิ่งนั้นแทนแล้วจึงอธิบายและมีรอยยิ้มประดับไว้ระหว่างการบรรยายเสมอสิ่งนี้จะสร้างความเป็นมิตรให้แก่นักท่องเที่ยวและทำให้บรรยากาศของทัวร์ดียิ่งขึ้นและถ้าหากระหว่างการอธิบายลูกทัวร์มีคำถาม มัคคุเทศก์จะมีเทคนิคในการตอบคำถาม คือ ทวนคำถามลูกทัวน์อีกครั้งก่อนตอบคำถามวิธีนี้มีประโยชน์อย่างมากเพราะนอกจากจะเป็นการทวนเพื่อย้ำคำถามของลูกทัวร์แล้วมัคคุเทศก์ยังมีแล้วในการคิดหาคำตอบอีกด้วยและในการตอบคำถามของมัคคุเทศก์จะต้องสั้น กระชับและได้ใจความ จะไม่มีการบรรยายอย่างยาวเพื่อเป็นการเบิกไปสู่คำถามต่อไปเรื่อย ๆ เพราะหากทำเช่นนั้นลูกทัวร์ท่านอื่นอาจจะเบื่อได้ 

รูปโดยเวียงคำ ชวนอุดม

    สิ่งสำคัญสิ่งสุดท้ายของการทำหน้าที่ของมัคคุเทศก์ คือ การคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกทัวร์ มัคคุเทศก์ต้องคอยสำรวจลูกทัวร์ทุก ๆ ครั้งและตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ลูกทัวร์คลาดสายตาและต้องพูดถงสิ่งที่ลูกทัวร์ควรคำนึงและระวังของสถานที่นั้น ๆ เพื่อความปลอดภัยและเคารพในกติกาของสถานที่

รูปภาพโดยเวียงคำ ชวนอุดม

    จากที่กล่าวไปนั้นล้วนเป็นสิ่งที่มัคคุเทศก์ที่ดีควรมีทั้งสิ้นและยังทำให้เห็นว่าการเป็นมัคคุเทศก์นั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นกันง่าย ๆ เพราะคิดว่ามัคคุเทศก์มีเพียงหน้าที่พูดอธิบายประวัติสถานที่นั้นและพาลูกทัวร์เดินชมไปเรื่อย ๆ ก็จบหน้าที่แล้ว หากคุณคิดเช่นนั้นการเป็นมัคคุเทศก์ที่ดีเยี่ยมนั้นคุณไม่มีทางเป็นได้ ดังนั้นคุณควรเรียนรู้ข้อควรปฏิบัติที่ดีของมัคคุเทศก์เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในอาชีพนี้ในอนาคตข้างหน้าได้อย่างสมบูรณ์



    

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2563

สภาพสังคมมนุษย์ในแต่ละยุค

มนุษย์กับการเดินทางสู่ความเป็น Civilization
    ก่อนที่สังคมมนุษย์จะมีวิวัฒนาการและอยู่รวมกันเป็นชุมชนจนเกิดเป็นอารยธรรมขนาดใหญ่นั้น มนุษย์เร่รอนอาศัยอยู่บนที่สูง ก่อนย้ายจากที่สูงลงมาสร้างถิ่นฐานใกล้ ๆ บริเวณแม่น้ำสร้างเป็นชุมชนขนาดเล็กจนขยายไปเป็นขนาดใหญ่และกลายเป็นอารยธรรม
    กล่าวไปถึงสภาพสังคมของมนุษย์ในยุคแรกเริ่มนั้น เป็นกลุ่มคนที่เร่รอน ล่าสัตว์และหาของป่าไม่มีหลักแหล่งที่ชัดเจนถึงแม้จะยังไม่อยู่กันเป็นชุมชนแต่ก็มีการอาศัยอยู่กันเป็นครอบครัวแล้วแต่ก็ยังไม่มีการรวมกลุ่มที่ชัดเจนด้วยลักษณะของการดำรงชีวิตที่ต้องล่าสัตว์ทำให้ต้องเร่ร่อนไปเรื่อย ๆ ระบบสังคมไม่มีความซับซ้อนมากเรียกได้ว่าเป็นอารยธรรมที่ยังไม่มีความเจริญแต่ถึงกระนั้นสังคมมนุษย์ในยุคนี้ก็ยังรู้จักการนำหินมาทำเป็นอาวุธเพื่อล่าสัตว์และนำสัตว์ไปทำเครื่องนุ่งห่ม ดังนั้นสภาพสังคมในยุคนี้จึงเรียกว่าเป็นยุคหินเก่า (Old Stone Age)


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ยุคหินเก่า
https://sites.google.com/site/yukhhinkea1/yukh-hin-kea-2


    ต่อมาเมื่อมนุษย์เริ่มรู้จักการอยู่เป็นหลักแหล่งส่งผลให้เกิดเป็นชุมชนขึ้น ในยุคนี้เรียกว่า ยุคหินใหม่ (New Stone Age) สภาพสังคมของมนุษย์ในยุคนี้มีลักษณะที่สำคัญ คือ มนุษย์รู้จักการทำเกษตรเปลี่ยนวิถีชีวิตจากเร่ร่อนหาของป่าหันมาเลี้ยงสัตว์และทำการเพาะปลูกแทน ยุคนี้ถือเป็นยุคที่สำคัญเพราะถือว่าเป็นก้าวแรกของการปฏิวัติสังคมและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการเกษตรที่เข้ามาเปลี่ยนสภาพสังคมจากหมู่บ้านให้กลายเป็นชุมชนเมือง กล่าวคือ มนุษย์ในยุคนี้รู้จักการวางระบบทำการเกษตร คือ มีการวางระบบชลประทานให้เชื่อมโยงกับพื้นที่เกษตรกรรมเข้ากับแหล่งน้ำทำให้การทำการเกษตรทำได้ง่ายขึ้นส่งผลให้ไม่จำเป็นต้องเกณฑ์แรงงานจำนวนมากเพื่อเข้ามาทำการเกษตรเพียงอย่างเดียว มนุษย์สามารถไปทำหน้าที่อื่นได้นอกจากการทำการเกษตรจึงทำให้มีอาชีพอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นและนอกจากนั้นยังทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีปริมาณที่มากขึ้นจนสามารถนำผลผลิตเหล่านี้สามารถส่งออก ทำการค้าขายได้ เกิดการติดต่อกับชุมชนอื่น ๆ ผ่านการค้า

ยุคหินใหม่(neolithic period หรือ new... - วัฒธรรมศึกษา ...
https://www.facebook.com/1505887862980590/posts/1506223079613735/
    

      จากที่กล่าวมานำซึ่งความเป็นอารยธรรม โดยลักษณะของการเป็นอารยธรรมนั้น สังคมมนุษย์มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น มีการจัดระเบียบของสังคม โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ ระบบการปกครองที่มีชนชั้นและมีความซับซ้อนมาก เช่น ในอารยธรรมหนึ่งนั้นจะมีระบบการปกครองที่แบ่งบทบาทและชนชั้นที่ชัดเจน โดยจะมีชนชั้นสูงการปกครอง อันได้แก่ จักรพรรดิ กษัตริย์ ขุนนาง รองลงมาก็จะเป็นชนชั้นกลาง ได้แก่ พ่อค้า วิศวกร นักปราชญ์หรือผู้มีความรู้ทั้งหลายจะจัดอยู่ในชนชั้นกลาง รองมาคือชนชั้นล่าง อันได้แก่ ชาวนา เกษตรกรต่าง ๆ และสุดท้ายชนชั้นต่ำ ได้แก่ ทาส เชลย นอกจากการปกครองแล้วในอารยธรรมหนึ่งจะมีตัวอักษรเอาไว้บันทึกเรื่องราวของอารยธรรมรวมไปถึงการมีศิลปะ สถาปัตยกรรมที่บ่งบอกถึงความเป็นอารยธรรมของตนเองอีกด้วย มีการวางผังเมือง มีขอบเขตที่ชัดเจนเห็นได้ชัดว่าความเป็นอารยธรรมทุกอย่างต้องมีความชัดเจนและซับซ้อนมากขึ้นเพราะว่ามนุษย์มีสังคมที่ใหญ่ขึ้น หลากหลายขึ้น การจัดระเบียบของสังคมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ


อารยธรรมของโลกยุคโบราณ
https://sites.google.com/site/civilizations109/

    เมื่อมีการเกิดขึ้นและดำรงอยู่การเปลี่ยนแปลงจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อารยธรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกล้วนเปลี่ยนแปลงได้ มีรุ่งเรืองย่อมมีล่มสลายโดยมีปัจจัยของการล่มสลายได้อยู่หลายประการด้วยกัน คือ 
 1. สิ่งแวดล้อม การขาดแคลนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมนำมาซึ่งการทำสงครามเพื่อการแย่งชิงทรัพยากรได้ 
   2. การขยายตัวของประชากรและความคิด การขยายตัวของประชากรและการเคลื่อนย้ายประชากรของอารยธรรมอื่น ๆ เข้ามาหรือเข้าไปนั้นทำให้เกิดการปรับเปลี่ยน วัฒนธรรมที่เข้มแข็งอาจกลืนวัฒนธรรมที่อ่อนแอ่ได้ 
   3. การขยายตัวของประชากรและสงคราม เมื่อมีประชากรเพิ่มมากขึ้นสิ่งที่ตามมาคือความต้องการในด้านพื้นที่และทรัพยากรทำให้เกิดการขยายอารยธรรมอันนำมาซึ่งการทำสงครามเพื่อแย่งชิง
        จากที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นจะเห็นได้ว่า การเกิดขึ้นของอารยธรรมนั้นมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลง คือ มนุษย์รู้จักการวางระบบชลประทาน อันเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านสังคมและเศรษฐกิจที่ทำให้มนุษย์เกิดการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงทำให้เห็นว่าเทคโนโลยีไม่ว่าจะยุคไหน ๆ ก็มักจะเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาและเปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษย์อยู่เสมอ ดังนั้น การเรียนรู้และเท่าทันเทคโนโลยีจะสามารถทำให้รู้เรื่องราวได้กว้างมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้อย่างแน่นอน
 

 

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2563

วิวัฒนาการการกำเนิดของมนุษย์

 

มนุษย์กำเนิดมาจากไหนกันนะ?

          การเกิดขึ้นของมนุษย์เรานั้นมีวิวัฒนาการในการกำเนิดและมีกระบวนการที่นำมาสู่มนุษย์ในยุคปัจจุบัน โดยมีต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในแถบแอฟริกาก่อนจะกระจายไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วโลก มีการปรับเปลี่ยนรูปร่าง หน้าตา ตามสภาพแวดล้อมที่ได้ไปอาศัยอยู่ และมีอยู่มากมายหลายสายพันธุ์ แต่เราสามารถแบ่งพัฒนาการและมนุษย์กลุ่มหลัก ๆ ได้ออกเป็นทั้งหมด 4 กลุ่ม ดังนี้

มนุษย์ในแต่ละกลุ่มในโลกนี้ 4 พัฒนาการ

- มนุษย์ Austropithecine เป็นมนุษย์ที่ยืนตัวตรงปรากฏในแอฟริกาเมื่อ 4-5 ล้านปีมาแล้วมีสมองเป็น 1ใน3 ของมนุษย์ในปัจจุบัน

- Habilis มนุษย์ Handy man ปรากฏในแอฟริกาเมื่อ 2-4 ล้านปีมาแล้วมีสมองขนาดครึ่งหนึ่งของมนุษย์ในปัจจุบัน

- Erectus มนุษย์ตัวตรง เริ่มต้น 1-2 ล้านปีมาแล้วเริ่มมีการใช้เครื่องมือหินรู้จักการใช้ไฟเพราะอาศัยอยู่ในแดนหนาว

- Hono Sapiens (wise man) มนุษย์ฉลาดเกิดในแอฟริกาเมื่อ 200,000 ปีมาแล้วเป็นกลุ่มมนุษย์ที่เหมือนคนปัจจุบันที่สุดและสร้างไฟเก่งกว่าerctus

และจากที่กล่าวไปข้างตันมีมนุษย์ที่เดินทางเข้าสู่ทวีปเอเชียซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ Homo Erectus และ Sepiens ซึ่งนั้นก็คือ มนุษย์ปักกิ่งและชวามนุษย์ทั้งสองเป็นมนุษย์ในกลุ่ม Homo erectus 

- มนุษย์ปักกิ่งขุดค้นพบครั้งแรกในปี 1923 ในถ้ำใกล้หมู่บ้านโจวโค่วเดียน ในตอนนั้นเป็นช่วงสงครามโลกจึงทำให้ฟอสซิลหายไปเป็นจำนวนมากทำให้เราสูญเสียข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับมนุษย์ปักกิ่งไป แต่จากการค้นคว้านั้นจึงทำให้ทราบว่ามนุษย์ปักกิ่งนี้เป็นบรรพบุรุษมนุษย์ที่อาศัยอาศัยอยู่ในประเทศจีนประมาณ 200,000 ถึง 750,000ปีก่อนที่รู้จักการใช้ไฟ ใช้หอก เจาะรูวัสดุ

รูปภาพจาก https://mint125.wordpress.com/2011/07/24/%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87/
รูปภาพจาก https://mint125.wordpress.com87/

- มนุษย์ชวา (Java man) เป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์ยุคแรกที่ค้นพบที่เกาะชวาอินโดนีเซียเมื่อปี 1891-1892 โดยทีมขุดค้นชาวฝรั่งเศสพบกระดูกฟัน กะโหลกศีรษะและกระดูกต้นขาในแถวๆโซนแม่น้ำตะวันออก

รูปภาพจาก https://www.facebook.com/sararueaipueai/posts/1385604384906441/

เมื่อเราทราบถึงที่มาของและวิวัฒนาการของมนุษย์ในยุคต่าง ๆ แล้วนั้น สิ่งที่น่าสนใจอีกประการของมนุษย์คือ การดำรงอยู่ในแต่ละยุคของมนุษย์มีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและดำรงชีวิตอย่างไร อะไรคือความแตกต่างในแต่ละยุค โดยเราสามารถกล่าวได้ว่า

- มนุษย์ยุคหินเก่า จะมีวิถีชีวิตและดำรงชีวิตโดยการล่าสัตว์ มนุษย์ยุคหินเก่ามักจะอพยพย้ายถิ่นฐานตามสัตว์ไปเรื่อย ๆ กล่าวได้ว่าอารยธรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ในยุคนี้ไม่ค่อยเจริญมากนักเพราะมักจะมีการต่อสู้กันระหว่างชนเผ่าเพื่อความอยู่รอดและล่าสัตว์เพื่อดำรงชีวิตแต่ลักษณะการดำรงชีวิตแบบนี้ทำให้มนุษย์ในยุคนี้รู้จักการพัฒนาเครื่องมือในการล่าสัตว์ มีการใช้อาวุธทำด้วยหิน อย่างหอก และในยุคหินเก่านี้มีการอยู่รวมกันเป็นครอบครัวแล้วแต่ยังไม่เป็นชุมชน

- มนุษย์ยุคหินใหม่ จะเป็นยุคของการทำการเกษตร ปลูกพืชไว้เป็นอาหารมักตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณใกล้ ๆ กับแม่น้ำและตั้งตัวอาศัยอยู่กันเป็นชุมชนแล้วไม่เร่รอนเป็นการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมและข้อจำกัดของถิ่นที่อยู่อาศัยโดยไม่ต้องเร่ร่อน

จากที่กล่าวมาทำให้เราได้ทราบว่าการเรียนรู้เกี่ยวกับมนุษย์นั้นสำคัญเพราะทำให้เราเข้าใจได้และค้นพบว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่รู้จักถึงการปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติและวิวัฒนาการในการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทำให้การศึกษาในเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์จึงเป็นการศึกษาที่ไม่มีวันสิ้นสุดและมีสิ่งใหม่ให้เรียนรู้เสมอ